Street Photography ไม่ได้มีอยู่แค่ในเวบไซต์ หนังสือภาพ หรือแกเลอรี่แท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในหนังฮอลลีวูดด้วย!
Pecker (1998) เป็นหนังที่เล่าเรื่องชีวิตของ Pecker ชายหนุ่มชาวบัลติมอล์ที่รักถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เห็นอะไรก็ถ่ายไปหมด อาทิเช่น ผู้หญิงที่กำลังโกนขนหน้าแข้ง คนขโมยของ หรือแม้แต่ในถังขยะ คนรอบตัว Pecker ประกอบไปด้วยพ่อเจ้าของบาร์ที่กำลังขาดทุนใกล้เจ๊ง แม่เจ้าของร้านขายเสื้อผ้ามือสองที่ให้บริการกับคนระดับล่าง ย่าที่คิดว่ามีพระแม่มารีลงมาประทับในหุ่นชัก น้องสาวที่มีนิสัยสุดประหลาด พี่สาวที่ทำงานอยู่ในบาร์เกย์ และแฟนของเขา Shelley ทำงานอยู่ร้านซัก-อบผ้า
Pecker กำลังจะจัดนิทรรศการภาพถ่ายของเขาที่จะจัดในร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่ จึงชักชวนญาติๆและเพื่อให้มาดูงาน ในจำนวนคนที่มาดูงานมีนายหน้าขายงานศิลปะจากนิวยอร์กมาดูด้วย เธอสนใจงานของ Pecker มาก และอยากให้ไปจัดนิทรรศการที่นิวยอร์ค เมื่อได้โอกาสดัง Pecker จึงรีบคว้าเอาไว้ ไม่นาน Pecker ก็ดังเป็นพลุแตก หนังสือพิมพ์ลงข่าวของเขาทุกฉบับ และ Pecker ก็ได้กลายเป็นช่างภาพหนุ่มที่มาแรงที่สุดในนิวยอร์ก
แน่นอนเมื่อมีชื่อเสียง ก็ต้องแลกกับความสงบสุข
เริ่มจาก น.ส.พ. นำภาพของพ่อของเขาไปลงในหัวข้อเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ของชาวมัลติมอร์ Greg Gorman มาทำสารคดีที่ร้านของแม่ จนทำให้เกิดเหตุวุ่นวาย ย่าเจอพวกคลั่งพระแม่มารีตามมาถึงบ้าน และต่อว่าย่าของ Pecker ว่าเป็นคนลวงโลก พี่สาวต้องโดนไล่ออกเพราะคนที่ดูภาพของ Pecker เข้ามาทำก่อเหตุในร้าน สรุปคือใครที่โดน Pecker ถ่ายภาพเป็นต้องอับโชคทุกราย
Pecker จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรต้องลองไปหาซื้อมาดูกัน
พูดถึงเรื่องภาพถ่ายในหนัง เกือบทุกภาพจัดได้ว่าเป็น Street Photography และ Photojournalism มีความดิบ ล้อเลียน และอารมณ์ขัน ดูภาพในหนังแล้วอยากออกไปถ่ายรูปซะเดี๋ยวนั้น (หนังเรื่องนี้จึงเป็นแรงบรรดาลใจแรกในการถ่ายภาพ Street ของผม) กล้องที่ Pecker ใช้คือ Canonet 28 เป็นกล้องมือสองที่แม่ของ Pecker ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด หนังเรื่องนี้มีช่างภาพตัวจริงมาเล่นสองคนคือ Cindy Sheman (Conceptual Portrait Photographer) และ Greg Gorman (Portrait Photographer ชือดังที่เคยมาถ่ายงาน 9 Days in The Kingdom ในประเทศไทย)