Kayo Ume นางสาวแซ่บ๊วย สาวซื่อผู้อุดมด้วยอารมณ์ขัน
นางสาวแซ่บ๊วย กาโย อุเมะ (อุเมะในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าบ๊วย) หญิงสาวญี่ปุ่น หน้าตาจิ้มลิ้มพิมพ์นิยม ผู้มีไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากสาวชาวญี่ปุ่นทั่วไป ทั้งเป็นแฟนตัวยงของวง อาราชิ ชอบเดินเล่นที่ร้าน Kiddy land (ร้านของเล่นเด็กและของกุ๊กกิ๊ก เช่น ตุ๊กตา rilakkukuma อะไรเทือกนั้น) สะสมแก้วนับสิบ ของ miffy ตัวการ์ตูนสุดน่ารัก และเดินช๊อปเสื้อผ้าที่ชินจุกุ คงไม่มีใครคาดคิดว่าเธอคนนี้จะเป็นช่างภาพดาวรุ่งมาแรง แค่เพียงหนังสือรวมภาพเล่มแรกของเธอ "うめめ Today's Happening Ume-me" ก็มียอดขายทะลุ 110,000 เล่ม ซึ่งสำหรับวงการถ่ายภาพของญี่ปุ่น การที่หนังสือรวมภาพเล่มแรกขายได้ถึง 3,000 เล่ม สำหรับช่างภาพหน้าใหม่ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมากแล้ว นอกจากจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังได้รับรางวัล Ihei Kimura Photography Award ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดสำหรับช่างภาพหน้าใหม่ของญี่ปุ่น
Ume-me หนังสือรวมภาพเล่มแรกของเธอ
อาจจะด้วยความแสนจะธรรมดาของเธอ ที่ทำให้เธอสามารถมองเห็นและนำเสนอความไม่ธรรมดาที่แสนจะธรรมดาในชีวิตประจำวัน ให้กับคนธรรมดาทั่วไปได้สัมผัส และผลที่ออกมาก็คือมันสามารถเข้าถึงคนธรรมดาได้อย่างง่ายดาย
ภาพถ่ายของเธอมักเป็นภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เข้าใจง่าย ซึมซาบสู่คนดูได้แบบทันทีทันใด ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างต่างจากช่างภาพญี่ปุ่นร่วมสมัยส่วนใหญ่ ที่มักเข้าใจยาก ต้องดีความซับซ้อน เรียกได้ว่ามันหลุดออกมาจากกรอบของความเคร่งเครียดจริงจังแบบญี่ปุ่นที่คนทั่วไปรู้จัก
แม้งานรวมเล่มของ กาโย อาจไม่สามารถเรียกว่างานสตรีทได้เต็มปาก แต่หลายภาพในนั้นเรียกได้ว่าเป็นงานสตรีทชั้นดี แม้องค์ประกอบภาพจะไม่ได้ซับซ้อนแบบงานสตรีทสมัยใหม่ แต่ก็ดูไม่เชย และสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างซื่อตรง และจริงใจ
กาโย เกิดและเติบโตที่จังหวัด อิชิกาว่า ในครอบครัวที่อบอุ่น เธอสนิทกับปู่เป็นพิเศษและมักถ่ายภาพปู่เสมอ ซึ่งภายหลังสามารถนำมารวมเล่มเป็นหนังสือชื่อ "じいちゃんさま Long Live Grandpa" หลังจากจบ ม. ปลาย เธอย้ายไปโอซาก้า เพื่อที่จะเรียนต่อทางด้านการถ่ายภาพ ที่โรงเรียนสอนถ่ายภาพและถ่ายภาพยนต์ ชื่อ Japan Institute of Photography and Film ด้วยเหตุผลแบบเด็กๆ คือ อยากเป็นช่างภาพกีฬา เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับ อิจิโร่ ยอดนักเบสบอลในตำนานของญี่ปุ่นที่เธอชื่นชอบและอยากแต่งงานด้วย แม้จะไม่ได้ใกล้ชิดอย่างน้อย ได้มีโอกาสถ่ายภาพเขาบ้างก็คงดี
ในช่วง 8 ปีแรกของการถ่ายภาพ (ตั้งแต่เริ่มเรียนถ่ายภาพ จนกระทั่งออกหนังสือเล่มแรก) เธอถ่ายภาพไปทั้งหมด ประมาณ 40,000 ภาพ หรือใช้ฟิล์มประมาณ 1,111 ม้วน หากนับเฉลี่ยเป็นเดือน เธอผลาญฟิล์มประมาณเดือนละ 10 กว่าม้วน และเธอก็ยังคงถ่ายภาพด้วยอัตรานี้มาเรื่อยๆ ในทุกๆเดือน เธอจะไปล้างฟิล์มที่ชินจูกุ และแน่นอนในระหว่างที่รอล้างฟิล์ม เธอก็ยังคงไม่ลืมที่จะเดินไล่ล่า ค้นหาซ๊อตเด็ด!!
ภาพส่วนใหญ่ของเธอถูกถ่ายด้วยกล้อง Canon eos5 กลับเล่นฟิกซ์ 50มม หรือบ้างครั้งก็กับเลนซ์มุมกว้าง อุปกรณ์ทั้งหมดนี้ พ่อแม่ของเธอ ผู้ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการถ่ายรูปเลย เป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญวันวันจบการศึกษา
ในช่วงแรกหลังจบการศึกษา เธอไม่ได้ทำงานประจำที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพเลย ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายภาพโฆษณา หรือ ช่างภาพกีฬาตามที่เธอเคยฝันไว้ (อาจเป็นเพราะ อิจิโรย้ายไปเล่นที่อเมริกา หรือ ไม่ก็เพราะเขาแต่งงานแล้วก็ได้ ฮา) แต่กลับทำงาน part time ที่ร้านเสื้อผ้าเด็ก และใช้เวลาว่างถ่ายภาพในแบบที่เธอชอบ ในช่วงเวลานั้น เธอไม่ได้คิดที่จะเลี้ยงชีพด้วยการถ่ายภาพแบบที่เธอชอบเลย และก็ไม่คิดที่จะถ่ายภาพในแบบ mainstream เพื่อเลี้ยงชีพด้วย
และแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป หลังจากที่ Ume-me ได้รับการตีพิมพ์ ชื่อเสียงของเธอเริ่มเป็นที่รู้จัก และเริ่มมีงานต่างๆ เข้ามา ทั้งงานจัดแสดงภาพถ่าย และงานถ่ายภาพดารา ซึ่งแม้จะเป็นงานที่เธอรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก แต่เธอก็พร้อมจะทำ หากเป็นการถ่ายภาพดาราที่เธอชื่นชอบ แน่นอน เธอได้ถ่ายภาพให้หนุ่มๆ อาราชิ มาแล้ว ณ จุดนี้การถ่ายภาพในแบบที่เธอชอบมันสามารถเลี้ยงชีพได้
ในสารบบของการถ่ายภาพทั้งหมด สิ่งที่เธอเบื่อหน่ายที่สุดคือการเตรียมงานแสดงภาพถ่าย การคัดภาพ เลือกขนาดพิมพ์ และการว่างตำแหน่ง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เธอเกลียด "แต่จะทำยังไงได้ ฉันก็ต้องทำให้เสร็จ!! เพื่อจะได้เริ่มงานใหม่" กาโยให้ความเห็นเกี่ยวกับงานที่เธอเกลียด ความเครียดที่เกิดจากการเตรียมงานนี้สังเกตุได้จากพฤติกรรมการกินขนมกรุบกรอบของเธอ ซึ่งเธอจะต้องกินเสมอ เวลาที่ต้องครุ่นคิดกับอะไรซักอย่าง ครั้งหนึ่งในการเตรียมงานแสดงภาพ เธอกินขนมกรุบกรอบไปเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,200 เยน (น่าจะซื้อขนมห่อใหญ่ได้ประมาณ 10 ห่อ) มันต่างจากตอนที่เธอออกเดินถ่ายภาพมาก สำหรับเธอเพียงแต่คุกกี้ไม่มีชิ้นกับน้ำเปล่าก็ทำให้เธอมีความสุขมากเหลือ ในการเดินถ่ายภาพ
สำหรับ กาโย การถ่ายภาพก็เปรียบเสมือนการเก็บความทรงจำ (สังเกตได้จากภาพหลายภาพของเธอถูกถ่ายด้วยโหมดแสดงวันที่ ซึ่งดูค่อนข้างส่วนตัว และเห็นได้ไม่บ่อยนักในงานของช่างภาพทั่วไป) สำหรับความทรงจำที่เธอเลือกเก็บ มักเป็นความทรงจำอันสนุกสนาน ที่แอบซ่อนอยู่ในชิวิตประจำวันอันหน้าเบื่อ ส่วนกล้องของเธอนั้นก็เปรียบเสมอสิ่งที่ช่วยขุดเอาความทรงจำอันแสนสุขนั้น มาแบ่งบันให้ทุกๆคน
งานของ กาโย เป็นภาพถ่ายในลักษณะ candid ไม่มีการจัดฉาก หรือ ขอแบบให้โพสท่า ภาพส่วนใหญ่ได้มากจากการเดินไปรอบๆเมือง ในบ้างครั้งเธอต้องเดินพร่านไปทั่วเพื่อหาภาพ แต่ก็บ่อยครั้งที่ภาพวิ่งเข้ามาหาเธอเอง เธอมักจะสร้างความงงงวยให้เพื่อนเธอเสมอ เวลาไปเดินเล่นในเมือง เพราะเธอมักเดินเบี้ยวไปมาตามแรงดึงดูดของเรื่องราวรอบตัว ที่พร้อมจะถูกจับไปทำเป็นแก๊กตลกของเธอได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับเวลาคุยกับเพื่อน ใจเธออาจหลุดลอยไปอยู่ที่กลุ่มเด็ก ข้างหลัง คอยจดจ่อว่า ไอ่เด็กพวกนี้มันจะทำอะไรสนุกๆให้ดูรึป่าวน้า?
แม้่งานของ กาโย จะเป็นการเก็บจังหวะอันขบขันของผู้คนแปลกหน้า แต่เธอก็ให้ความเคารพในตัวแบบเสมอ โดยภาพที่เธอเลือกแสดงต้องไม่เป็นภาพที่ทำให้แบบมองดูไม่ดีเสื่อมเสีย ในหลายครั้งเธอก็มีความรู้สึกแย่กับสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็ยังทำมันต่อไปเพราะ มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเสื่อมเสีย แถมยังสร้างรอยยิ้มให้กับอีกหลายๆคน.
ด้วยช่วงวัยเพียงสามสิบต้นๆ กับความสำเร็จอันท่วมท้น ดูเหมือนว่าเธอยังมีโอกาสสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการถ่ายภาพอีกมากมาย แต่เมื่อถามถึงอนาคต กาโย ตอบแบบซื่อๆ ว่ายังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรต่อไป เธอไม่อยากสร้างกรอบให้กับตัวเอง แค่อยากทำในสิ่งที่เธอชอบต่อไปเรื่อยๆ
ศราวุธ แต้โอสถ
|